/// หลักสูตรขับรถมอไชด์ ภาคทฤษฏี..แบบจัดเต็ม ///
/// ลองพิจารณาดูกันครับ หลักสูตรขับรถมอไชด์ ภาคทฤษฏี..แบบจัดเต็ม ///
เป็นของ โรงเรียนสอบขับรถ เซฟ ไดรฟเวอร์ เอดูเคชั่น น่าสนใจดีครับ มีประโยชน์
การประเมินความเสี่ยง การเข้าใจความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยง การลดความเสี่ยง การปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่
ละเอียดและมีสถิติต่างๆๆที่เกี่ยวข้อง ประกอบ อาจลายตาเป็นตัวอักษรล้วน
เหมือนอ่านหนังสือตำรา...วิชาการขับรถมอไชด์
/// บทสรุป คร่าวๆๆ
ความผิดพลาดของผู้ขับขี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุของรถ จักรยานยนต์ในประเทศไทย ไม่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดเฉพาะกับตนเองหรือเกิดร่วมกับผู้อื่น แต่ผู้ขับขี่เหมือนจะเป็นสาเหตุหลัก และไม่มีวิธีการแก้ไขใดๆหากไม่ทำความเข้าใจและสื่อสารกับผู้ขับขี่รถ จักรยานยนต์เหล่านี้โดยตรง เพราะว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในประเทศไทยเริ่มขับรถจักรยานยนต์ตั้งแต่ อายุยังน้อย (บางคนอายุแค่ 13 ปีก็ขับแล้ว) และหลายคนก็ไม่ได้รับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นและการศึกษาเรื่องการขับ ขี่จึงจำเป็นสำหรับคนเหล่านี้
อุบติเหตุที่เกิดกับรถจักรยานยนต์หลายครั้งเกิดจากผู้ขับขี่ที่ไม่รู้ว่า พวกเขาฝ่าฝืนกฎจราจรและไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่ตนกระทำอยู่นั้น (การขับขี่) มีความเสี่ยงอันจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ฉะนั้นแล้วความรู้เบื้องต้นด้านความปลอดภัยจึงจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด เทคนิคการขับขี่เชิงป้องกันอุบัติเหตุสำหรับรถจักรยานยนต์ก็มีอยู่เช่นเดียว กันกับรถยนต์และรถบรรทุก โดยวัตถุประสงค์ของการเรียนคอร์สหรือหลักสูตรนี้เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็น วิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง กลยุทธ์ต่างๆ และเทคนิคที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ควรรู้สำหรับผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ อยู่แล้ว
หลักสูตรขับรถมอไชด์ โรงเรียนสอบขับรถ เซฟ ไดรฟเวอร์ เอดูเคชั่น
http://www.safedriver.co.th/-1-.html
บทเรียนหรือหลักสูตรดังกล่าวประกอบด้วยบทเรียนย่อย 6 บท ดังต่อไปนี้
บทที่ 1 การเข้าใจความเสี่ยง
บทที่ 2 การจัดการความเสี่ยง
บทที่ 3 ความพร้อมในการขับขี่
บทที่ 4 การขับขี่รถจักรยานยนต์
บทที่ 5 การลดความเสี่ยง
บทที่ 6 การปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่
คอร์สที่กล่าวมาข้างต้นนี้เน้นให้ทราบถึงอันตรายเนื่องจากการขับขี่เมื่อ สมรรถนะทางร่างกายไม่พร้อมอันนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยหนึ่งที่การบังคับด้วยกฎหมายคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ สมรรถภาพด้านร่างกายลดลงเมื่อขับขี่ในประเทศไทย แต่ที่จริงมีมากกว่านั้น
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่มีอิทธิพลต่อทัศนะคติและให้ความรู้หรือข้อมูล นอกเหนือจากประสบการณ์จริง การขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่นั้นศึกษาจากประสบการณ์ตรงแต่เรื่องความ ปลอดภัยนั้นจะต้องถ่ายทอดด้วยทางอ้อม โดยไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง เพื่อให้เกิดประสบการณ์แก่ตัวเอง
หลักสูตรนี้ได้อ้างถึงอันตราย ความเสี่ยงที่เกิดจากการขับขี่ การดื่มเหล้าขณะขับมอเตอร์ไซด์ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องออกกฎหมายควบคุม แต่ก็ไม่ได้มีเพียงแค่สาเหตุเดียว ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือผลกระทบที่เกิดจากลักษณะอุบัติเหตุในประเทศไทย
การศึกษาก็มีส่วนช่วยโดยจะมีอิทธิพลต่อทัศนะคติ และเปลี่ยนความรู้ที่ไม่ได้รับจากประสบการณ์โดยตรง ทักษะส่วนมากได้มาจากประสบการณ์โดยตรง ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะผลตอบกลับมาโดยตรงนั้น มันมีค่ามากสำหรับชีวิต
ลองพิจารณากันดูครับ กับรายละเอียดแต่ละบท....ตามลิงค์
บทที่ 6 การปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่
ประสิทธิภาพของผู้ขับขี่แสดงถึงทักษะการรับรู้ในการขับและความชำนาญของ ผู้ขับขี่นั้นๆ (สิ่งที่ผู้ขับขี่สามารถทำได้) ส่วนพฤติกรรมของผู้ขับขี่แสดงถึงสิ่งที่ผู้ขับขี่ได้แสดงออกหรือปฏิบัติจริง ความแตกต่างระหว่างประสิทธิภาพและพฤติกรรมเป็นแนวคิดสำคัญด้านความปลอดภัยบน ท้องถนน ผู้ขับขี่จะเลือกตัดสินใจในระดับความยากง่ายเอง เช่น เลือกขับเร็วขึ้น ขับแทรกไปในการจราจรที่หนาแน่น หรือขับตัดหน้ารถคันอื่น ซึ่งผู้ขับขี่แต่ละคนจะเป็นคนเลือกระดับความเสี่ยงเอง
โดยส่วนใหญ่แล้วคนขับขี่รถจักรยานยนต์เชื่อว่าพวกเขานั้นขับเก่งกว่าผู้ อื่น โดยเฉพาะวัยรุ่นชายในประเทศไทย ที่คิดว่าตัวเองมีความเสี่ยงทางอุบัติเหตุน้อยกว่าคนอื่น ในทางกลับกันประสบการณ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนทัศนะผู้ขับขี่เหล่านี้ได้ และแนวโน้มความคิดเช่นนี้ที่ว่าตัวเองมีความปลอดภัยกว่าผู้อื่นทำให้ พฤติกรรมของผู้ขับขี่มีความรอบคอบน้อยลง
ความเชื่อของผู้ขับขี่วัยรุ่นทั้งหลายทำให้เกิดประเด็นสำคัญ 2ประเด็นเพื่อให้ผู้ขับขี่แต่ละรายได้นำไปพิจารณา
ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อื่นๆที่ร่วมทางกับคุณส่วนใหญ่ก็คิดว่าพวกเขาขับเก่งขับดีกว่าคนอื่น
เป็นไปได้ว่าการประเมินความปลอดภัยและทักษะการขับตนเองนั้น อาจเขวหรือเข้าข้างตัวเองเสียมากกว่าและเช่นเดียวกันกับผู้ขับขี่คนอื่นๆ
เพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เปลี่ยนพฤติกรรม เราควรศึกษาและมององค์ประกอบหลายอย่างที่มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่นดังต่อไปนี้
“เราขับรถเช่นเดียวกับเราใช้ชีวิต” ถ้าหากคุณใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง อดทน และใส่ใจกับคนรอบข้าง แล้วการขับขี่รถของคุณก็จะเป็นเช่นเดียวกันกับที่คุณใช้ชีวิต แต่หากการใช้ชีวิตของคนตรงกันข้ามกับที่กล่าวมาข้างต้นแล้วแน่นอนว่าการขับ รถของคุณก็จะมีลักษณะที่ตรงกันข้ามเช่นเดียวกัน ขับขี่ด้วยความก้าวร้าว เย่อหยิ่ง และมีความเสี่ยงสูง ซึ่งจะเป็นผลให้คุณมีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสูงตามมา
ความสุขุมรอบคอบและความฉลาด- เมื่อเปรียบเทียบผู้ขับขี่ที่มีความปลอดภัยกับผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงทาง อุบัติเหตุที่สูง จะเห็นว่าผู้ขับรถที่มีความเสี่ยงทางอุบัติเหตุสูงจะมีความสุขุมรอบคอบและ ความฉลาดน้อยกว่า แสดงออกในทางลบ ขัดต่อกฎหมายและสังคม เข้ากับสังคมไม่ได้
ไม่เกี่ยวกับข้อกฎหมาย- ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ดีนั้นจะปฏิบัติตามกฎจราจรและควบคุมพฤติกรรมของตน เองได้โดยไม่ต้องให้ตำรวจหรือกฎหมายมาคอยบังคับ ทั้งหลายนี้คือ ความรับผิดชอบของบุคคลเมื่อขับขี่ และเป็นวิธีการหนึ่งที่สำคัญที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ควรต้องเรียนรู้
การแสวงหาความสุขและความตื่นเต้น-สิ่งที่กระทบต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้:
o การแข่งขัน
o ความเชื่อมั่นในอำนาจและการควบคุมอำนาจ
o การแสวงหาความสุขเพื่อผลประโชน์ส่วนตัว
ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจะมีบทบาทสำคัญต่อการเกิดอุบัติเหตุของผู้ขับขี่รถ จักรยานยนต์ที่เป็นวัยรุ่นชาย ซึ่งผู้ขับขี่เหล่านี้จะชอบโชว์และอวด เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้หญิง เพื่อสร้างความตื่นเต้นและแสดงความกล้า
*** การฆ่าตัวตาย ***
การฆ่าตัวตายด้วยรถจักรยานยนต์นั้นเป็นวิธีหรือสิ่งที่ไม่น่ายินดีสรรเสิญใน การทำลายตัวเอง ซึ่งในประเทศไทยยังไม่เคยมีการประมาณการร้อยละของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยรถจักรยานยนต์ที่มาจากการฆ่าตัวตาย แต่สถิตินี้ควรเป็นข้อมูลเพื่อนำมาพิจารณาและศึกษา
ความเร็วและความเสี่ยงในการชน-หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุต่อการ เลือกใช้ความเร็วที่ไม่เหมาะสมคือการคาดการณ์สถานการณ์ต่ำเกินไปซึ่งอาจทำ ให้ผู้ขับเสียชีวิตได้ ความเร็วที่ผู้ขับขี่เลือกใช้นั้นขึ้นอยู่กับความพอใจมากกว่าประโยชน์ที่จะ ได้รับทั้งนี้เพื่อประหยัดเวลา อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ความเร็วนั้นมีผลต่อความเสี่ยงในการชน การบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นอย่างมาก
ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในประเทศไทยคือการมี วัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญของการเกรงใจผู้อื่น ฉะนั้นแล้ววัฒนธรรมตรงนี้ควรจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รถ จักรยานยนต์ในประเทศไทยลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุอันจะนำการบาดเจ็บหรือสูญ เสียให้เกิดกับบุคคลอื่น และสิ่งนี้เองที่จะเป็นจุดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์วัยรุ่นทั้งหลายควบคุม ตนเองได้ ควรมีความเมตตาเห็นอกเห็นใจกันมากกว่าการที่จะถือเอาประโยชน์ของตนเป็นหลัก หรือความเห็นแก่ตัว
คงเป็นการลำบากมากที่จะทำให้คนขับขี่รถจักรยานยนต์วัยรุ่นทั้งหลายไม่ เลียนแบบหรือชื่นชมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อื่นๆที่ขับขี่รถด้วยความเสี่ยง ต่ออุบัติเหตุหรือท้าทายกฎหมาย ควรเน้นตรงที่ว่าทำไมควรต้องขับรถแบบนี้และผลที่เกิดตามมาอาจปลอดภัยกว่า อย่างที่ได้กล่าวไว้ก่อนนี้ว่าปัญหาการเกิดอุบัติเหตุของรถจักรยานยนต์นั้น เกิดจากผู้ขับขี่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกแต่ก็ยังฝืนทำ มากกว่าเกิดจากคนที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
รูปแบบชีวิตที่เสี่ยง
ท่ามกลางผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งหลายยังมีผู้ขับขี่กลุ่มหนึ่งที่ เจตนาเอาตัวเองเข้าเสี่ยงต่ออุบัติเหตุเมื่อขับขี่รถ โดยมีผลทำให้เกิดอุบัติเหตุและการฝ่าฝืนกฎจราจร พฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าวนี้ไม่เพียงแต่กิดขึ้นบนท้องถนนเท่านั้นแต่ยังเกิด ขึ้นกับรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารเสพย์ติด ดื่มแอลกอฮอล์และก่ออาชญากรรม การแสดงออกอันแสดงถึงการเข้าสังคมไม่ได้และพฤติกรรมที่มีเสี่ยงอาจเกิดจาก บุคลิกลักษณะส่วนบุคคลและสภาพแวดล้อม
คำว่าความเสี่ยงครอบคลุมทั้ง 2 อย่างคือ เสี่ยงโดยที่ผู้ขับรี่รับรู้ด้วยตนเองและเสี่ยงโดยสภาพแวดล้อม
ผู้ ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บมากกว่าเพราะ ลักษณะของการขับรถจักรยานยนต์เองและสภาพของยานพาหนะ โดยรถจักรยานยนต์จะปกป้องผู้ขับขี่ได้น้อยมากหากเกิดอุบัติเหตุ และแถมยังมีการโดยสารคนอื่นด้วย เช่นเพื่อน เด็กและผู้โดยสาร
ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นต้องเผชิญความกดดันรอบข้าง มีหลักฐานแสดงให้เห้นว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์วัยรุ่นบางคน-คนที่มี พฤติกรรมการขับที่มีความเสี่ยงสูง และเห็นความท้าทายที่แสดงออกโดยบุคคลอื่นเป็นสิ่งที่ควรทำตาม สิ่งเหล่านี้เมื่อบวกกับสถานภาพทางสังคมและความกดดันจากรอบข้างแล้วจะเป็น การเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นในกลุ่มนั้นไปมีอิทธิพลทั้งบวกและลบกับผู้ขับขี่ วัยรุ่นเหล่านั้น
ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยทั่วไปแล้วจะสามารถแยกแยะระยะอันตรายได้น้อย มองเห็นความเสี่ยงได้น้อยในสภาพต่างๆ และเหมือนว่าเขาเหล่านี้จะขัดแย้งกับผู้ขับขี่คนอื่นและคนขับรถคันอื่น เช่น ขับปาดหน้าในระยะใกล้และแทรกในช่องว่างแคบๆเมื่อเข้าร่วมการจราจร
การเรียนขับรถเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้วิธีในการสร้างสัมพันธ์กับบุคคล อื่นบนถนน แต่มากกว่าเทคนิคเบื้องต้นในการเข้าสังคมร่วมกับผู้ขับขี่คนอื่นแล้ว ยังมีมิติด้านการสื่อสาร เช่น รู้ว่าจะต้องทำอะไร และจะสื่อสารเมื่อไหร่อย่างไร และแปลความหมายของข้อความหรือข้อมูลที่รับมาจากคนอื่น โดยเครื่องมือในการสื่อสารก็มีตั้งแต่ ไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟเบรก ไฟส่อง แตรและการสื่อสารทางตาหรือมือ หรือแม้แต่ท่าทีของรถคันอื่น เช่นการโผล่หัวออกจากที่จอด การเคลื่อนตัวของรถ ผู้ขับขี่ที่ดีจะต้องเรียนรู้และแปลข้อมูลจากสิ่งต่างๆเหล่านี้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และวิธีการนำไปใช้กับตัวเขาเอง
การเรียนขับรถจักรยานยนต์ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์หรือหนึ่งแต่เริ่มต้นจาก ภูมิหลังของบุคคลโดยมีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องหลายอย่าง เช่นเรียนจากการเห็นคนอื่นขับ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่แล้วมีประสบการณ์ต่างกัน และต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆในสภาพการจราจร บางคนได้ประสบกรณ์จาการดูหนัง ความรู้ดังกล่าวนี้สำคัญต่อการพัฒนาการขับขี่ให้ปลอดภัยเพราะจะทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมเหตุการณ์ เช่น “ถนนนี้มีความลื่น ถ้าหากเบรคแรงการเสียการควบคุมได้”
*** บทความเป็นของ โรงเรียนสอบขับรถ เซฟ ไดรฟเวอร์ เอดูเคชั่น น่าสนใจดีครับ มีประโยชน์ กับผู้ขับขี่่มากๆๆ
สอนแต่..ทฤษฎี ไม่รับสอนปฏิบัติ ลองอ่านหนังสือตำรา...วิชาการขับขี่รถจักยานยนต์... ดูครับ ละเอียดดีครับ ***
//// ตำราหลักสูตรขับรถมอไชด์ ////
การประเมินความเสี่ยง การเข้าใจความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยง การลดความเสี่ยง การปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่
ละเอียดและมีสถิติต่างๆๆที่เกี่ยวข้อง ประกอบ อาจลายตาเป็นตัวอักษรล้วน เหมือนอ่านหนังสือตำรา...วิชาการหลักสูตรขับรถมอไชด์
นานๆๆจะเจอแบบวิชาการนี้ ลองพิจารณากันดู ครับ
การขับขี่รถจักยานยนต์ โรงเรียนสอบขับรถ เซฟ ไดรฟเวอร์ เอดูเคชั่น
http://www.safedriver.co.th/-1-.html
อ่านตำราเสร็จแล้ว ลอง...พิจารณา
/// การประเมินขับขี่ ... ถนน 3 เลน ///