เว็บบอร์ดห้องสนทนา CBR250/// การเลี้ยวแบบ counter-steering กับบิ๊กไบค์ ///
ผู้เขียน : DumasiDumrong Radchasri   หัวข้อ : /// การเลี้ยวแบบ counter-steering กับบิ๊กไบค์ ///อ่าน 1646 / ความคิดเห็น 2
รูปประจำตัว
DumasiDumrong Radchasri
  • 26 กระทู้ที่เริ่มไว้
  • 16 กันยายน 2555
รูปไอคอน
หัวข้อ : /// การเลี้ยวแบบ counter-steering กับบิ๊กไบค์ ///
11/12/2556 20:26:00
« เมื่อ: ธันวาคม 11, 2013, 08:13:48 PM »

 


****  ลองดูกันครับหลักการเลี้ยวแบบ Counter-Steering  กับบิ๊กไบค์ ซึ่งจะช่วยในควบคุมรถ การเลี้ยว การหลบหลีก และการพริ้ว ทำได้ง่ายขึ้น  โดยเฉพาะกับ Bigbike cc. สูง ใหญ่..และหนัก..  อย่างเช่นการขับรูปแบบ Gymkhana 

เทคนิคหนึ่ง...ที่สำคัญมากในการขับขี่มอเตอร์ไซค์และทุกคนควรจะทำเป็นคือ Counter Steering อ่านแล้วอาจจะงงว่ามันคืออะไรหนอ? ก็คือการเลี้ยวโดยหักแฮนด์สวนทางกับทางที่จะเลี้ยว เช่น จะเลี้ยวไปทางซ้ายให้หักแฮนด์ไปทางขวา จะเลี้ยวไปทางขวาให้หักแฮนด์ไปทางซ้าย  จังหวะก่อนที่เราจะเลี้ยวเพียงเสี้ยววินาทีนั้น แฮนด์รถจะหักสวนทางเสมอ แค่นิดเดียวและแป๊บเดียวเองครับ.....สำหรับการขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งมือใหม่หรือเก่าทุกระดับประสบการณ์ซึ่งเต็มไปด้วยเคล็ดลับการปฏิบัติและคำแนะนำต้องการที่จะแสดงให้เห็นวิธีการที่จะปรับปรุงการขับขี่ให้ดีขึ้น

ฝึกการใช้ Counter steering ด้วยการดันแฮนด์ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา จะสังเกตุว่ารถจะเริ่มร่อนไปร่อนมาครับ ทำทุกครั้งที่มีโอกาสมากน้อยก็ไม่เป็นไร  สักพักจะเริ่มชินไปเองครับ และการเข้าโค้งจะเป็นเรื่องสนุกและง่ายครับ  การใช้เอียงตัวช่วย ทำให้องศารถเอียง รถจะเลี้ยวเองครับ  ก็ช่วยได้ทำให้เลี้ยวได้ชิวล์ขึ้น  ฝึกให้ชำนาญ  ฝึกให้คล่อง  และคุ้นเคยหลักการนี้ จะช่วยได้เยอะสำหรับรถหนักๆๆ เพราะบางทีเลี้ยวแบบหักแฮนด์ธรรมดา รถอาจจะทื่อๆๆ ไม่เลี้ยวตาม ลองพิจารณา...และฝึกฝน...กันดูครับ   

 Undecided   แนะนำ  สามารถนำมาปรับใช้กับการเลี้ยวของรถมอไซค์ขนาดใหญ่หรือบิ๊กไบค์ ด้วยขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักมาก การเลี้ยวด้วยวิธีธรรมดาคงจะไม่ไหวแน่ๆ เราก็ใช้ Counter Steering นี่แหละมาช่วยในการเลี้ยว ใช้แรงน้อยและได้วงเลี้ยวแคบ  การควบคุมรถ การเลี้ยว การหลบหลีก และการพริ้ว ทำได้ง่ายขึ้น 

*** รถใหญ่ ..หนัก.. CC.สูง ไม่ใช่ปัญหา...อีกต่อไป  จะสนุกสนานกับการขับขี่  การควบคุมรถได้...ดีขึ้น ...ง่ายขึ้น  เหนื่อยน้อยลง 
  ***

***   แต่เทคนิคนี้ถือว่าเป็น Advance นะครับคือ...พูดง่าย  เราๆต้องรับรู้และสัมผัสถึงแรงเหวี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางการหมุนของล้อหน้าและหลังได้ระดับหนึ่ง    ไม่งั้น...แล้วอันตรายครับ    ***  











เทคนิคการเลี้ยวโดยใช้วิธี Counter Steering
 


Counter Steering ก็คือการเลี้ยวโดยหักแฮนด์สวนทางกับทางที่จะเลี้ยว เช่น จะเลี้ยวไปทางซ้ายให้หักแฮนด์ไปทางขวา จะเลี้ยวไปทางขวาให้หักแฮนด์ไปทางซ้าย อ่านแล้วคงคิดในใจว่าคนเขียนมันบ้าไปแล้วแน่ จะเป็นไปได้ยังไง จะเลี้ยวไปทางไหนก็ต้องหันแฮนด์ไปทางนั้นสิ ใช่ครับ เลี้ยวทางไหนก็หันแฮนด์ไปทางนั้นแหละ แต่ความจริงคือ จังหวะก่อนที่เราจะเลี้ยวเพียงเสี้ยววินาทีนั้น แฮนด์รถจะหักสวนทางเสมอ แค่นิดเดียวและแป๊บเดียวเองครับ ใครขี่จักรยานเก่งๆ ลองทดสอบง่ายๆ ให้ขี่จักรยานแล้วปล่อยมือครับ แล้วลองเอียงตัวไปด้านซ้ายเพื่อบังคับให้รถเลี้ยวไปทางซ้าย จังหวะก่อนรถจะเลี้ยวนั้น แฮนด์จะสะบัดไปทางขวาแล้วรถก็จะเอียงมาทางซ้าย จากนั้นแฮนด์จะสะบัดกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที และจริงๆ แล้วทุกคนก็ทำโดยธรรมชาติอยู่แล้วเพียงแต่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง 

 แนะนำ  เหตุการณ์นี้อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ง่ายๆ คือ วัตถุวงกลม (ซึ่งก็คือล้อรถ) จะรักษาสภาพการเคลื่อนที่ไว้เสมอตราบใดที่ยังมีแรงเคลื่อนที่อยู่ เช่น เหรียญบาทที่กำลังกลิ้ง เมื่อหมดแรงถ้ามันบิดไปทางขวาก็จะล้มซ้าย ถ้าบิดซ้ายจะล้มขวา พอนึกภาพออกไหมครับ รถมอเตอร์ไซค์ก็เป็นเช่นเดียวกัน






 

จากหลักการณ์นี้สามารถนำมาปรับใช้กับการเลี้ยวของรถมอไซค์ขนาดใหญ่หรือบิ๊กไบค์ ด้วยขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักมาก การเลี้ยวด้วยวิธีธรรมดาคงจะไม่ไหวแน่ๆ เราก็ใช้ Counter Steering นี่แหละมาช่วยในการเลี้ยว ใช้แรงน้อยและได้วงเลี้ยวแคบ ลองหาลานกล้างๆ ฝึกดูครับ จะช่วยให้การบังคับรถทำได้ง่ายและคล่องตัวขึ้นครับ


Counter Steering ก็คือการเลี้ยวโดยหักแฮนด์สวนทางกับทางที่จะเลี้ยว เช่น จะเลี้ยวไปทางซ้ายให้หักแฮนด์ไปทางขวา จะเลี้ยวไปทางขวาให้หักแฮนด์ไปทางซ้าย อ่านแล้วคงคิดในใจว่าคนเขียนมันบ้าไปแล้วแน่ จะเป็นไปได้ยังไง จะเลี้ยวไปทางไหนก็ต้องหันแฮนด์ไปทางนั้นสิ ใช่ครับ เลี้ยวทางไหนก็หันแฮนด์ไปทางนั้นแหละ แต่ความจริงคือ จังหวะก่อนที่เราจะเลี้ยวเพียงเสี้ยววินาทีนั้น แฮนด์รถจะหักสวนทางเสมอ แค่นิดเดียวและแป๊บเดียวเองครับ ใครขี่จักรยานเก่งๆ ลองทดสอบง่ายๆ ให้ขี่จักรยานแล้วปล่อยมือครับ แล้วลองเอียงตัวไปด้านซ้ายเพื่อบังคับให้รถเลี้ยวไปทางซ้าย จังหวะก่อนรถจะเลี้ยวนั้น แฮนด์จะสะบัดไปทางขวาแล้วรถก็จะเอียงมาทางซ้าย จากนั้นแฮนด์จะสะบัดกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที และจริงๆ แล้วทุกคนก็ทำโดยธรรมชาติอยู่แล้วเพียงแต่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
  
 



สำหรับรถที่มีน้ำหนักเบาเราอาจจะใช้ Counter steering อยู่แล้วแต่เราใช้น้อยมากจนเราอาจไม่รู้สึกตัว Counter steering ก็จะไม่เห็นผลเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก การทำ Counter steering จะเห็นผลได้ชัดเจนครับ
 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 
เพราะ วัตถุทุกอย่างที่หมุนอย่างคงที่ จะพยายามรักษาสภาพของการหมุนเอาไว้เมื่อมีแรงภายนอกมากระทำกับมัน(moment of inertia)เช่น ลูกข่าง ที่หมุนบนพื้น เราเอานิ้วไปแตะให้มันเซ มันก็จะพยายามกลับมาตั้งตรงอย่างเดิมหรือถ้าเคยเห็น มอเตอร์ไซค์ที่ดีดจากสภาพล้มขึ้นมา แล้วยังวิ่งตรงไป ทั้งที่คนร่วงไปแล้ว
 
กับล้อมอเตอร์ไซค์ ก็เหมือนกัน ยิ่งหมุ่นเร็วขึ้น ความพยายามในการรักษาสภาพของล้อก็จะยิ่งมากขึ้นถ้าเราหักล้อไป"ทางซ้าย" สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
1. ล้อหน้าจะพยายามกลับมาสภาพเดิมของมันคือ ดึงกลับมา"ทางขวา"
2. แรงที่ล้อหน้าพยายามดึงกลับมา จะทำให้รถเอียงลง "ทางขวา"
3. จังหวะนั้นเราดึงรถลง "ทางขวา" จะทำให้รถเลี้ยวไปได้ง่ายขึ้นเนื่องจากมี ล้อที่พยายามกลับมาสู่สภาพเดิม เข้ามาช่วยตอนเราดึงลงรถอีกทีนึง
 
-----------------------------------------------------------------
 
ไม่เกี่ยวกับการตีโค้งเวลาเลี้ยวนะครับ
 
ลองง่าย ๆ เลย
 
ตั้งรถอยู่นิ่ง ๆ ตรง ๆ
 
ถ้าเราหักแฮนด์ไปทางซ้าย รถจะล้มมาทางขวา
 
ถ้าเราหักแฮนด์ไปทาขวา รถจะล้มมาทางซ้าย
 
เป็นธรรมชาติของรถ แต่ไม่ใช่ธรรมชาติของคนขี่นะครับ
 
ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ฝึก หรือไม่ตั้งใจทำ จะทำไม่ได้ เพราะมันจะฝืนความรู้สึกการเลี้ยวรถโดยปกติ
 
ผมเคยลองฝึกอยู่พักนึง แต่ในสนามนะครับ พลิกเข้าโค้งได้เร็วก่าเดิมเยอะ
 
เหมือนกับว่า รถมันจะพับเข้าโค้งไปเลย ไวมาก  
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

ถ้าอธิบายตามวิธีของผม ก็จะขอพูดแบบนี้ครับ... โดยปกติล้อเมื่อมีการหมุนมันจะมีแรงคงตัว คือมันจะมีแรงไจโร เพื่อที่จะรักษาทิศทางการหมุนเอาไว้ ถ้ามีแรงมากระทำในทิศทางหนึ่งด้านข้าง 90 องศากับการหมุน มันก็จะมีแรงต้านพลักมันกลับไปอีกด้านหนึ่ง เทคนิคการคุมรถแบบนี้ก็คือ ถ้าเราจะเอียงรถทางขวาเพื่อเข้าโค้งขวา ก่อนที่เราจะเอียงรถไปทางขวานั้น ก็ให้โยกรถหรือหักแฮนด์ส่วนไปด้านซ้ายก่อน(ขึ้นกับความเร็วที่ใช้ ถ้าความเร็วต่ำใช้หักแฮนด์ แต่ถ้าความเร็วสูงก็ใช้โยกรถ) แล้วพอมีแรงต้านที่ล้อเราก็ใช้แรงต้านที่เกิดขึ้นนั้นดึงรถกลับมาทางที่เราจะไป จะทำให้เราใช้แรงน้อยลง และมั่นคงขึ้นในการพารถเข้าโค้งไปในทิศทางที่เราจะไปครับ
 
 Undecided  *** yeahh 5555 แต่เทคนิคนี้ถือว่าเป็น Advance นะครับคือ...พูดง่าย  เราๆต้องรับรู้และสัมผัสถึงแรงเหวี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางการหมุนของล้อหน้าและหลังได้ระดับหนึ่ง    ไม่งั้น...แล้วอันตรายครับ  ***   Lips Sealed Lips Sealed
 

http://music.ohozaa.com/my/thaiTVPlayer.jsp?guid=20111212014040
 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

  แบบนี้เพื่อช่วยในการพับรถง่ายขึ้น เนื่องจากหากรถหนักๆ จะช่วยให้คนไม่ต้องออก action เยอะมากมาย
 
ข้อเสียคือ ตั้งแต่ลองใช้มา ก็ใช้วิธีนี้ตลอดเลย แทบลืมว่าเมื่อก่อนเข้ายังไงแต่สถานการณ์จริงมัน ดันแฮนด์ด้านตรงข้ามที่จะเลี้ยวนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ เพื่อสร้างอาการ

(ปกติโค้งขวาก็ โยกตัวขวา ดึงแขนขวา ดันแขนซ้าย) พอแค่รู้สึกว่ารถพับลงแล้วค่อยเลี้ยวตามปกติมันเหมาะกับคนขี้เกียจขยับก้น หรือรถหนักๆ พับยากๆ  แต่ก็คิดว่าหากเข้าธรรมดาไปได้ไวกว่าครับ แต่เข้าแบบนี้ขี่ได้ชิวกว่าเยอะ save พลังได้เยอะ เมื่อโค้งเยอะๆ ยาวๆ รถหนักๆ ครับ
 
วิธีการฝึกฝนนะครับ แรกๆอาจจะยากและไม่ชินเอาซะเลยแต่เดี่ยวจะค่อยๆชินไปเองครับ ให้เราฝึกการใช้ 
Counter steering ด้วยการดันแฮนด์ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา จะสังเกตุว่ารถจะเริ่มร่อนไปร่อนมาครับ ทำทุกครั้งที่มีโอกาสมากน้อยก็ไม่เป็นไร ทำเหมือนกับการเปิดหน้ายางก็ได้ครับ สักพักจะเริ่มชินไปเองครับ และการเข้าโค้งจะเป็นเรื่องสนุกและง่ายครับ


Steering 
"..... a different kind of steering, known as counter-steering. This type of steering may seem counterintuitive. That's because motorcycle riders must push the handlebars to the left to make the vehicle turn right and vice versa."

แปลได้คร่าวๆว่า : การเลี้ยวแบบ counter-steering ผู้ขับต้องหันคันบังคับไปซ้ายเพื่อจะเลี้ยวขวา และหันคันบังคับไปทางขวาเพื่อจะเลี้ยวซ้าย (อาศัยหลักการของไจโรสโคป)



ให้เราฝึกการใช้ Counter steering ด้วยการดันแฮนด์ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา จะสังเกตุว่ารถจะเริ่มร่อนไปร่อนมาครับ ทำทุกครั้งที่มีโอกาสมากน้อยก็ไม่เป็นไร  สักพักจะเริ่มชินไปเองครับ และการเข้าโค้งจะเป็นเรื่องสนุกและง่ายครับหลักการใช้เอียงตัวช่วยจดองศาการเอียงรถ ทำให้รถเลี้ยว ก็ช่วยได้ทำให้เลี้ยวได้ชิวล์ขึ้น ฝึกให้ชำนาญ  ฝึกให้คล่อง  และคุ้นเคยหลักการนี้ จะช่วยได้เยอะสำหรับรถหนักๆๆ เพราะบางทีเลี้ยวแบบหักแฮนด์ธรรมดา รถอาจจะทื่อๆๆ ไม่เลี้ยวตาม  


 eiei

 Undecided   ฝึกการใช้หลักการเลี้ยวแบบ counter-steering  กับบิ๊กไบค์ ซึ่งจะช่วยในการเลี้ยว การพริ้ว และการหลบหลีก สิ่งกีดขวางได้อย่างง่ายดาย   แต่ต้องฝึกฝนและจับจังหวะให้ได้จนแม่นยำ  จนสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ    yeahh    laaa   kiss  vanzz
  

////  สำหรับการขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งมือใหม่  หรือเก่าทุกระดับประสบการณ์ซึ่งเต็มไปด้วยเคล็ดลับการปฏิบัติและคำแนะนำ   ต้องการที่จะแสดงให้ เห็นวิธีการที่จะปรับปรุงการขับขี่ให้ดีขึ้น

ความรู้สึกของคุณและถนนที่จะดีกว่าและความปลอดภัยของผู้ขับขี่มากขึัน   รวมทั้งสะดวกสบายมากขึ้น  เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มขี่หรือประสบการณ์การอยู่บนท้องถนนเป็นเวลาหลายปี


รวมทั้งผู้ที่ต้องการจะ UP  CC.  ขนาด 1000 Up เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง กับวิธีการขับขี่แบบนี้  
///







//// ลองดูกันครับหลักการเลี้ยวแบบ counter-steering  กับบิ๊กไบค์ ซึ่งจะช่วยในการเลี้ยว การพริ้ว และการหลบหลีก ทำได้ง่ายขึ้น เช่นรูปแบบการขับ Gymkhana (ยิมคาน่า)

Gymkhana (ยิมคาน่า) คืออะไร
สำหรับตัวของผมเอง ชอบแข่งรถสไตล์ Gymkhana อยู่แล้ว มันเป็นกีฬา Motor Sport ที่สนุกครับเราลองมารู้จัก Gymkhana กันเลยครับ
Gymkhana (ยิมคาน่า) คืออะไร
Gymkhana เป็นการแข่งขันรถ ในรูปแบบหนึ่งที่ใช้ความเร็วระดับต่ำถึง ปานกลาง โดยมักใช้สถานที่เช่น ลานจอดรถ สนามโกคาร์ท หรือ ลานต่างๆ เป็นต้น โดย ทั่วไปจะใช้กรวย(cones/pylons)เป็นตัวกำหนดเส้นทาง เพื่อทดสอบทักษะการขับขี่ ของผู้ขับโดยไม่มีผู้นำทาง โดยใช้เวลาที่ทำได้เป็นตัวชี้วัดการแข่งขัน โดยทั่วไปหาก บังคับรถไปถูกกับกรวย(cones/pylons)จะถูกทำโทษโดยบวกเวลาเพิ่มเข้าไปอีก 2 วินาที โดยผู้ชนะการแข่งขันคือผู้ที่ทำเวลาได้น้อยที่สุด

ใครคือคนที่เหมาะสำหรับการแข่ง Gymkhana ?
โดยส่วนมากแล้วผู้มาเข้ามาขับขี่รถยนต์ในรูปแบบของ Gymkhanaนั้น จะเป็น คนที่รักในการแข่งขันกีฬา Motorsports และส่วนมากแล้วผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั้น จะไม่ได้ใช้รถที่ทำมาเพื่อการแข่งขันเพียงอย่างเดียว ?racecar? แต่ส่วนใหญ่จะนำรถที่ ใช้ในชีวิตประจำวันมาใช้ในการแข่งขัน (street use Motorcycle) เพราะผู้ขับขี่ส่วนมาก นั้นต้องการจะนำทักษะที่ได้จากการแข่งขันเพื่อที่จะสามารถนำไป ใช้ในการขับขี่ภาย ในชีวิตประจำวันที่อย่างมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุด

ทำไมต้องเป็น Gymkhana?
เพราะการแข่งขันรถ ในรูปแบบของ gymkhanaนี้ ถือได้ว่าเป็นการแข่งขัน กีฬา motorsports ที่ใช้งบประมาณไม่สูงมากนัก และยังทำให้คุณรู้ถึงขีดความสามารถ และสมรรถนะสูงสุดของรถคุณ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันบนท้องถนน ได้อย่างปลอดภัย และคุณก็ยังเร้าใจไปกับการแข่งขันอีกด้วย

เทคนิคการขับสำหรับมือใหม่

1.ไลน์ให้ถูก ซึ่งมันคือ racing line เหมือน circuit ล่ะ เพียงแต่มันไม่มีขอบสนามให้เห็น ต้องวาดเอาเองในสมอง

2.speed ให้พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป

3.เร่งให้พอดี เพราะ gymkhana ใช้ speed ไม่สูงนัก เกียร์ใช้เกียร์ต่ำ เวลาเร่งส่งจึงตะบี้ตะบันมากไม่ได้ ล้อปั่นฟรีก็คือช้าลง

4.เบรคให้พอดี เพราะ gymkhana โค้งเยอะ เลี้ยวตลอดเวลา จึงใช้เบรคเยอะมาก 
เบรคที่พอดีไม่มากจนล้อล๊อค และทำไห้เกิดอาการรถแถ ซึ่งทำให้ช้าลง

5.สมาธิที่ดี จำไลน์ให้ได้ คิดไลน์ให้ออก ขับให้ได้ตามที่คิด ใจเย็นๆ อันนี้ทำยากที่สุดเมื่อถึงเวลาแข่ง 

มาลองฝึกเบรคดู

ฝึกเบรคให้แม่น ไม่ให้ล้อล๊อค และสามารถฝึกที่ไหนก็ได้
เอาง่ายๆ ก่อนถึงไฟแดง สมมติมาที่ความเร็วซัก 50 หาจุดเบรคที่สามารถทำให้รถหยุดที่เส้นให้พอดีถ้า Advance อีกหน่อย หยุดที่เส้นพอดีไม่พอ ต้องไม่หยุดแบบหัวทิ่มด้วย(กรุณานึกภาพตาม)คือ ต้องคุมเบรคน้ำหนักเบรคให้ได้แบบ เบรคทีแรก หนักหน่อยแล้วค่อยๆ(ย้ำ ค่อยๆ)คลายเบรคให้รถอยู่ในอาการหน้าไม่ทิ่ม และให้หยุดที่พอดีเส้นเหมือนกัน ลองนึกภาพตามหลายๆทีละกันนะอธิบายยากเหมือนกัน อันนี้มีประโยชน์ในการเบรคเข้าโค้งครับ เพราะส่วนใหญ่ สนามจิม จะค่อนข้างมีโค้งที่เล็ก+แคบ จำเป็นจะต้องทำการ Trailbrake เข้าไปในโค้ง การ Trailbrake ก็คือ การEase off brake เป็นไทยก็คือ การคลายเบรคนั่นเอง 

ทำไมต้อง Trailbrake? เพราะอย่างที่บอก โค้งส่วนใหญ่ในสนามจิม เป็นโค้งแคบ จำเป็นจะต้อง"หมุน" หรือ "เปลี่ยน"ทิศทางรถมากกว่าโค้งกว้าง เพราะฉะนั้น การถ่ายน้ำหนักจึงมีความสำคัญถ้าโค้งแคบ แล้วเรารีบ เบรค น้ำหนักที่ควรจะอยู่ที่ล้อหน้า(ตอนเริ่มเลี้ยว)จะถูก ถ่ายกลับมาด้านหลังแทน ทำให้เราเสีย Traction (การยึดเกาะ) ในล้อหน้าไป ผลก็คือ ไม่สามารถจะเลี้ยวได้เร็ว หรือ ไม่สามารถจะเดินคันเร่งออกจากโค้งได้เร็วเท่าที่ควรจะเป็น   

vanzz    laaa     laaa     love   vanzz



 
*** ผมได้ความรู้จากพี่รุ่นใหญ่อายุมากแล้ว... ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ใหญ่  BMW. อยู่ต่างประเทศ และอบรมการขับขี่ที่ต่างประเทศ Counter Steering เป็นเทคนิคที่เขานิยมใช้กัน  และกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว นานๆๆเจอพี่คนนี้ที  ตอนนี้แรกผมก็ไม่รู้ว่าพี่เขาเคยขับขี่ มอเตอร์ไซค์ใหญ่ พอเห็นรถเราเลยมาสอบถามโน้นนี่...เกี่ยวกับรถเรา และเล่าเรื่องมอเตอร์ไซค์ใหญ่สมัยอยู่ต่างประเทศ  ซึ่งแรกๆๆผมก็งงๆๆ กับ Counter Steering สิ่งที่พี่เขาพูด ไม่เข้าใจจนมาลองศึกษาหาข้อมูล และลองฝึกปฏิบัติ และขับขี่อยู่พักใหญ่ ใช้ได้เลย เทคนิค...นี้ 

**** ต้องขอขอบคุณรุ่นพี่..ที่แนะนำเทคนิคนี้ และเห็นเราใช้มอเตอร์ไซค์อยู่ เลยมาเล่าเรื่อง BigBike แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้กัน  พี่เขาไม่ค่อยได้ขี่แล้วแต่ก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันๆๆ เรื่อยๆๆ 

 

 Undecided //// ฝึกกันครับ กับการเลี้ยวแบบ Counter-Steering  กับบิ๊กไบค์ ซึ่งจะช่วยในการเลี้ยว การพริ้ว และการหลบหลีก ทำได้ง่ายขึ้น รถใหญ่ ..หนัก.. CC.สูง ไม่ใช่ปัญหา...อีกต่อไป  จะสนุกสนานกับการขับขี่ และควบคุมรถได้ดีขึ้น ง่ายขึ้น ////  weww   love   laaa  laaa   vanzz





เฉพาะสมาชิกเท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ กรุณา "เข้าสู่ระบบ" ก่อน เข้าสู่ระบบ
 
Online:  2
Visits:  4,241,431
Today:  4,008
PageView/Month:  11,779