เว็บบอร์ดห้องสนทนา CBR250//// Engine Brake !!!! เทคนิค วิธีการใช้ !!!! ////
ผู้เขียน : DumasiDumrong Radchasri   หัวข้อ : //// Engine Brake !!!! เทคนิค วิธีการใช้ !!!! ////อ่าน 1471 / ความคิดเห็น 3
รูปประจำตัว
DumasiDumrong Radchasri
  • 26 กระทู้ที่เริ่มไว้
  • 16 กันยายน 2555
รูปไอคอน
หัวข้อ : //// Engine Brake !!!! เทคนิค วิธีการใช้ !!!! ////
10/12/2556 20:28:00

http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=50165.0

« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2013, 07:49:21 AM »
 
** แชร์แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ประสบการณ์  ร่วมกัน ครับ ช่วยลดการเกิด..... ให้น้อยที่สุด ลองอ่านดู ครับ **
    เผื่อ มีประโยชน์ในการเอาไปใช้ได้บ้าง  ไม่มากก็น้อย 
  


การขับขี่ บิ๊กไบค์นั้นมีความเสี่ยง  เพราะเหตุการณ์ที่คุณไม่คาดคิด ที่เกิดได้ตลอดเวลา  ทั้งการขับขี่ สภาพถนน ผู้ใช้ถนน   ไม่ว่าจะเป็น รถเสียข้างทาง ,

 รถกำลังลังเล จะเลี้ยว จะกลับรถ , หมา , จักรยาน , หรือ ชะลอกระทันหัน ฯลฯ ที่จะเจอเหตุการณ์ต่างในการใช้ถนน

การขับขี่ของผู้ใช้ถนน ที่ไม่ระมัดระวัง   Lips Sealed รถแท็กซี่ ก็เช่นกัน  โดยเฉพาะแท็กซี่ ที่มี / ไม่มี ผู้โดยสาร  พฤติกรรม การขับ ต่างกัน 

โอกาสที่เราจะเจอ ปาด จอดรับ... หรือ จอดให้ผู้โดยสารลง มีมาก  เพราะ พฤติกรรม การขับขี่ของบางคน อาจไม่เปิด ไฟเลี้ยว

 หรือไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนผู้ใช้ทาง หรือเปิดแล้ว  เลี้ยว /  หยุดเลย   รถช้าที่วิ่งซ้าย ลักษณะอาการ การขับขี่รถ การชลอรถ  


ชุมชน  ซอย ทางร่วม  ทางแยก  U-Turn จุดเสี่ยง Red Zone 



เรา ก็...  ก็เบรค.... กันหัวทิ่ม... เอาอยู่ ไม่อยู่ ว่ากันไป 



****  ถ้าเจอถนนเปียก ลื่น มีฝุ่น การใช้เบรค อย่างเดียว เพ่่ือหยุดรถ อาจเอาไม่อยู่ เพราะไม่สามารถใช้เบรคได้เต็มที่

อยู่ที่ความเร็ว....ที่ใช้    มีโอกาส.... แถ  .. พับ ..  กลิ้ง   นอน ... คลุกฝุ่น  สูง  

 

 Undecided  kiss  vanzz **** ซี่ง เราต้องใช้เบรค  ทั้งหน้า หลัง เพื่อช่วย ในการชลอ หยุด รถ ทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที    Undecided  ถ้าประเมินว่า ใช้เบรคอย่างเดียวเอาไม่อยู่แน่    หรือไม่ชัวร์  . . . .****  Undecided


 *** ถ้าเจอเหตุการณ์นี้  การเลือกใช้   Engine Brake  (E.B.) ***  ช่วยได้แน่  จะมีประสิทธิภาพ มากกว่าการใช้เบรคอย่างเดียว 

*  สำคัญมาก เพราะเครื่องหน่วง ช่วยชลอรถ *  ทำให้เราควบคุมรถและทรงตัว  Balance รถ  ได้ง่าย   กว่าการเบรคอย่างเดียว 




 vanzz ***  อยู่ที่การใช้ ว่าคุณใช้ได้ดี ถูก...ที่   ถูก...เวลา ถูกต้อง นุ่มๆ ... ไม่กระชาก  
การฝึก ฝน จนชำนาญ ได้ใช้แน่   . . . ฟันธง !!!!   eiei 

****  หากใช้ร่วมกับระบบเบรค    ระยะเบรคจะสั้นกว่าการใช้เบรคอย่างเดียว  คุณจะได้การเบรคที่มีประสิทธิภาพ ** สมบูรณ์แบบ **  หยุดได้ดังใจ  สามารถควบคุมรถได้ง่าย   ****** 


การใช้เบรค
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=20295.0

การใช้คันเร่ง
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=20299.0

ท่านั่ง
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=20301.0

ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อการขับขี่
http://www.stormclub.com/scoops/0021/index.php


 vanzz ////  สรุปต่อจาก  ////    Engine Brake !!!    laaa 
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=49868.0


****   Engine Brake  ไม่ใช่ระบบเบรค  แต่คือแรงหน่วงของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราปิดคันเร่งจนสุด เครื่องยนต์จะเกิดอาการตื้อและหน่วงให้รถวิ่งช้าลง นั่นแหละครับคือ เอนจิ้นเบรค  

****   โดยที่ไม่ต้องใช้เบรค  แต่ใช้ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ผ่านระบบเกียร์ที่ถูกปรับให้ต่ำลง และส่งผ่านไปยังล้อ ทำให้ล้อหมุนช้าลง  หากเอนจิ้นเบรคทำงาน  รอบของเครื่องจะขึ้นสูง ได้ยินเสียงชัดเจน เรียกว่าสนั่นเลย    โดยปกติแล้ว E..B.. ในเกียร์ต่ำจะมีแรงหน่วงมากกว่าเกียร์สูง ถ้าเรียงตามลำดับจะได้ 1 > 2 > 3 > 4 > 5 > 6 และยิ่งเครื่องยนต์มีกำลังแรงม้ามากเท่าไร E . . B . . ก็จะมากตามไปด้วย  ถ้ารถขนาดใหญ่    ขนาด 1,000 ซีซี  แรงม้าเยอะๆๆ  ปิดคันเร่งทีแทบจะหัวทิ่มกันเลยทีเดียว สังเกตได้เมื่อเทียบกับ รถ เล็กๆ ทั่วไปที่มีแรงม้า น้อย จะไม่รู้สึกถึงแรงหน่วงอะไรมากมาย  การปิดคันเร่งคือการคืนคันเร่งกลับจากการที่เราบิดคันเร่งความเร็ว    เป็นการช่วยให้เกิดแรงหน่วงของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราปิดคันเร่งจนสุด 

แล้ว Engine Brake มีประโยชน์อย่างไร?
Engine Break   หากใช้ร่วมกับระบบเบรค  ระยะเบรคจะสั้นกว่าการใช้เบรคอย่างเดียว วิธีนี้มีประโยชน์มากหากคุณขับรถเร็ว  เพราะบางทีเหยียบเบรคอย่างเดียวเลยมันไม่พอ  ต้องใช้เกียร์ช่วย    เวลาเข้าโค้งก็เช่นกัน Engine Break จะช่วยให้เข้าโค้งอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องแตะเบรค และการที่เราอยู่เกียร์ต่ำ รถจะมีแรงบิดลงล้อที่สูง หากมีอะไรฉุกเฉิน สามารถหักพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งเพื่อหลบได้ดั่งใจ   การทรงตัวของรถก็จะดีกว่าการใช้เกียร์สูง แล้วเบรคเอา    เพราะรู้สึกถึงความหน่วงได้ชัดเจน พอหน่วงแล้วก็เหยียบเบรคช่วย   คราวนี้การควบคุมรถได้ดังใจ    คือรู้แน่ๆ ว่าสามารถหยุดรถได้ในระยะทางที่จากรถคันข้างหน้า

 Undecided ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการใช้ Engine Brake
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเมื่อวิ่งมาเร็วๆ แล้วจะลดความเร็ว ให้ลดเกียร์ลงเพื่อดึง E . .  B . .  มาใช้ ... อยากบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเป็นความเข้าใจที่ "ผิด"  จริงๆ แล้วถ้าจะลดความเร็วให้ใช้ "เบรค" ไม่ใช่ให้ลดเกียร์  

การเบรคที่ถูกต้องทำอย่างไร ง่ายๆ ครับ
1. ปิดคันเร่งให้สุด เพื่อเรียก  E . . B . .  มาหน่วงให้รถไหลช้าลง   ที่สำคัญ " ห้ามกำคลัชต์เด็ดขาด "   เพราะเป็นการตัด   E . . B . . โดยสิ้นเชิง
2. แตะเบรคหลัง เพื่อถ่ายน้ำหนักมาล้อหลัง แล้วจึง...
3. แตะเบรคหน้า เพื่อหยุดรถ

ทั้งหมด 3 ข้อนั้นจะเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที    
ซึ่งจะทำทำ 3 อย่างนี้อย่างดีพอ ต้องฝึกให้คล่องแล้วเวลาใช้จริงจะเป็นการเบรคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด  ให้จำไว้ว่าระบบเบรคหลักคือเบรคหน้า เบรคหลังไว้ช่วยทรงตัว และ Engine Brake คือตัวเสริม และเมื่อความเร็วลดลงจนถึงระดับที่ปลอดภัยแล้วจึงเปลี่ยนเกียร์เพื่อไปต่อ  


 แนะนำ เบรกที่ดี ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

ข้อระวัง   การวิ่งมาเร็วๆ แล้วลดเกียร์ลงในทันทีจะทำให้รอบเครื่องดีดขึ้นสูงอย่างฉับพลัน 

เกิดแรงกระชากมหาศาลภายในเครื่องยนต์  ฟันเฟือง  เพลาเอย ข้อเหวี่ยง โซ่ สเตอร์ ฯลฯ ถูกกระชากอย่างรุนแรง ถึงแม้ไม่ทำให้

เครื่องพังในทันทีแต่ย่อมมีการสึกหรอตามมาอย่างแน่นอน เมื่อรอบเครื่องทำงานไม่สัมพันธ์ กับความเร็ว อัตราการหมุนของล้อ 

ก็ไม่สัมพันธ์กับระยะทางที่วิ่ง เกิดอาการ  คือล้อหมุนช้ากว่าระยะทางที่เคลื่อนที่ไป  

ทำให้ยางดีดเด้ง ไม่จับกับพื้นถนน สะบัดซ้ายทีขวาที สูญเสียการควบคุมซึ่งอันตรายมากครับ

 
**  ซึ่งถ้าไม่คุ้นเคยมัวไปปลี่ยนเกียร์  ลดเกียร์ **  เสียสมาธิ  ใช้ไม่ถูกต้อง ไม่ปิดคันเร่งจนสุด  จะทำให้ประสิทธิภาพ การเบรคโดยรวมด้อยลง  ควรฝึกซ้อม ให้ชำนาญ  **



***   E.B.  คือการ ปิดคันเร่ง กำครัช ตบเกียร์ลง ปล่อยครัช เมื่อไหร่ที่เครื่องหน่วง นั่นละครับ เอนจิ้นเบรค ทำงานแล้วครับ  มาหน่วงให้รถช้าลง 

ในแต่ละเกียร์  เครื่องมันจะมีเสียงตื้อนิดๆๆวิธีนี้มีประโยชน์มากหากคุณขับรถเร็ว  ก่อนเตรียมตัวเพื่อเบรค   อยู่ที่การใช้ ว่าคุณใช้ได้ดี 

ถูก...ที่   ถูก...เวลา ถูกต้อง นุ่มๆ ... ไม่กระชาก **** 



*** ต้องคอยสังเกตอาการของรถและเครื่อง หน่วงมากไปก็ไม่ดี  หน่วงน้อยไปก็ไม่เห็นผล ช่วงรอยต่อ เปลี่ยนเกียร์ สำคัญมาก

นุ่มนวล ไม่กระชาก ฝึกเลี้ยงคลัทซ์  คลอคันเร่ง   ต้องฝึกฝนจนชำนาญ   ถ้าไปเจอเหตุการณ์ที่คิดว่าเบรคเอาไม่อยู่  ได้ใช้แน่ครับ **** 

** ใช้ E .. B... *** มาใช้ จะดี มีประสิทธิภาพ มากกว่าการใช้เบรคอย่างเดียว ***  ทำให้เราควบคุมรถได้ง่าย และเปิดคันเร่งต่อได้ 

สะดวกต่อการควบคุมรถ การทรงตัวของรถก็จะดีกว่า ในการเข้าโค้ง สามารถเดินคันเร่งต่อได้ดีกว่า ในการเข้าโค้ง

****  หากใช้ร่วมกับระบบเบรค  ระยะเบรคจะสั้นกว่าการใช้เบรคอย่างเดียว วิธีนี้มีประโยชน์มากหากคุณขับรถเร็ว ก่อนเตรียมตัวเข้าโค้งได้ทัน *** เข้าให้ช้าออกให้ไว ***  สำคัญมาก เพราะเครื่องหน่วงในรอบที่พอดี ทำให้เราควบคุมรถได้ง่าย    กว่าการเบรคอย่างเดียว เพราะกำลังเครื่องที่พอดี เหมาะสมกับความเร็วและรอบเครื่อง  ถ้าจะเล่นโค้ง Engine Brake  สำคัญมาก ก่อนเข้าโค้งและ สามารถเปิดคันเร่งต่อได้พอดี กับจังหวะรอบเครื่อง  

จากการลดเกียร์ลงขณะวิ่ง เอ็นจิ้น เบรค นี่คือ ปิดคันเร่ง กำครัช ตบเกียร์ลง ปล่อยครัช   นั่นละเอนจิ้นเบรคทำงานแล้ว ครับ มากน้อยอยู่ที่ความเร็วรอบและเกียร์ เพื่อชลอรถ ซึ่งถ้าเปลี่ยนเกียร์แล้วไม่คืนคันเร่ง เครื่องจะหน่วงน้อยมาก   ถ้าแค่ปิดคันเร่งอย่างเดียวรถจะหน่วงแต่ยังไม่พอทันที หากเปลี่ยนมาเกียร์ต่ำลงมาแล้ว 1 จังหวะ แล้วเครื่องยังไม่ตอบสนอง  แสดงอาการหน่วงลดความเร็วให้เห็น  ก็ต้องลดเกียร์ลง ทีละ Step ขณะวิ่ง  โดยใช้ E... B... มาหน่วงให้รถไหลช้าลง ในแต่ละเกียร์  ไปเรื่อยๆ   คู่กับการใช้เบรคหน้าและหลัง    แต่ต้องสัมพันธ์กับความเร็วรถและความเร็วรอบเครื่อง

   ****   สำคัญเลยคือเวลาใช้อย่าข้ามสเตป  ****  ถ้าเป็นไปได้   ถ้าเชนจ์เกียร์จากสูงลงต่ำมาก จนเครื่องกระชากให้รีบบีบคลัทซ์  แล้วเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น ในรอบที่เหมาะสม จากที่ปรับเกียร์ลงผิดจังหวะ ลองเปลี่ยนเกียร์และเลี้ยงคลัทซ์เพื่อหารอบที่เหมาะสม  อย่างขี่ 6 ตบ 5 โอเค แต่ถ้า 6 ตบ 4,3 อย่างนี้ชุดครัชมันจะทำงานหนักมากครับ หัวอาจทิ่มได้  ในช่วงกำคลัทซ์ต้องเบิ้ลช่วยให้รอบสูงนิดนึงครับ เเล้วปล่อยคลัทซ์รถจะไม่ดึงครับ  

ต้องลองฝึกบ่อยๆๆๆ จนชำนาญ  ******

***  สามารถเปิดคันเร่งต่อได้ สะดวกต่อการควบคุมรถ การทรงตัวของรถก็จะดีกว่า
สามารถเดินคันเร่งต่อ...  เพื่อ หลบหลีก ได้ดีกว่า  การใช้เบรคอย่างเดียว ***  คนที่จะใช้เอนจิ้นเบรคต้องพยายาม เรียนรู้รอบเครื่อง เสียงเครื่อง  การเลี้ยงครัชท์  อาการของรถ  จังหวะการเบรค  แรงหน่วง Engine Brakeที่เกิดให้สัมพันธ์กับเกียร์  และความเร็วรถแต่ละเกียร์    ลองเปลี่ยนเกียร์และใช้ Engine Brake  รอยต่อระหว่างเกียร์ ให้เหมาะสมและนุ่มนวล    ไม่กระชาก   จะได้ใช้แรงหน่วงเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพ กระทบกับชุดเกียร์และระบบส่งกำลังไม่มาก   ให้รถไหลช้าลง ในแต่ละเกียร์  ไปเรื่อยๆ  ในแต่ละ Step เกียร์ ที่เราสารถควบคุมรถได้ง่าย  ***
 
 
****   สำคัญเลยคือเวลาใช้อย่าข้ามสเตป  ****

  ถ้าเป็นไปได้   ถ้าเชนจ์เกียร์จากสูงลงต่ำมาก จนเครื่องกระชากให้รีบบีบคลัทซ์  แล้วเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น ในรอบที่เหมาะสม จากที่ปรับเกียร์ลงผิดจังหวะ ลองเปลี่ยนเกียร์และเลี้ยงคลัทซ์เพื่อหารอบที่เหมาะสม   รอยต่อระหว่างเกียร์ ไม่กระตุก  อย่างขี่ 6 ตบ 5 โอเค แต่ถ้า 6 ตบ 4,3 อย่างนี้ชุดครัชมันจะทำงานหนักมากครับ หัวอาจทิ่มได้  ในช่วงกำคลัทซ์ต้องเบิ้ลช่วยให้รอบสูงนิดนึงครับ เเล้วปล่อยคลัทซ์รถจะไม่ดึงครับ 


**** กรณีข้าม  Step แต่ต้องเหมาะสมกับเกียร์ เช่น    วิ่งมาร้อยเกียร์ 5  แต่เบรคจนเหลือ  30  เข้าเกียร์ 2  ก่อนเลย    เข้าเกียร์รอให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องและความเร็ว  คืนคันเร่ง แล้วไล่ลงทีละ เกียร์   อยู่ที่ความชำนาญในการใช้คันเร่งและการเลี้ยงคลัทซ์  *****

 เข้าเกียร์รอให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องและความเร็ว  คืนคันเร่ง อยู่ที่ความชำนาญการใช้คันเร่งและการเลี้ยงคลัทซ์  ช่วยลดการสึกหรอ สัมพันธ์กับรอบเครื่อง

        
****     ต้องลองฝึกบ่อยๆๆๆ จนชำนาญ  ******

Example การใช้
http://www.youtube.com/watch?v=H_cPblE6my4
http://www.youtube.com/watch?v=MT2M9GyKSyc&feature=youtube_gdata_player
http://www.youtube.com/watch?v=BCd0bwqfEUo
http://www.youtube.com/watch?v=g3gH_362QfM
http://www.youtube.com/watch?v=0u9R3h9iHwM

 





****  เป็นพื้นฐานที่จำเป็นมาก สำหรับ  BigBike  การใช้  E . .  B . .  ให้ถูกต้องและเหมาะสม 


****  เมื่อไหร่ที่เครื่องหน่วง นั่นละครับ เอนจิ้นเบรค  E.B. ทำงานแล้วครับ  มาหน่วงให้รถช้าลง ในแต่ละเกียร์  ต้องคอยสังเกตอาการของรถและเครื่อง หน่วงมากไปก็ไม่ดี  หน่วงน้อยไปก็ไม่เห็นผล ช่วงรอยต่อ เปลี่ยนเกียร์ สำคัญมาก นุ่มนวล ไม่กระชาก ฝึกเลี้ยงคลัทซ์  คลอคันเร่ง   ต้องฝึกฝนจนชำนาญ   ถ้าไปเจอเหตุการณ์ที่คิดว่าเบรคเอาไม่อยู่  การฝึก ฝน จนชำนาญ ได้ใช้แน่   . . . ฟันธง !!!! 

 **** ถ้าคุณสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  จะช่วยในเรื่องความปลอดภัย อย่างมาก ในเรื่องการชลอรถ    การเบรค   การหยุดรถ  ควบคุมรถในในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด    รวมทั้งการเตรียมตัว แต่งความเร็วที่เหมาะสมให้เสร็จก่อนที่เข้าโค้ง   " เข้าให้ช้า  ออกให้ไว " ถ้าใช้เบรคอย่างเดียว  มีโอาสเหวอ... ถ้าคุณลดความเร็วลง...  ยังไม่พร้อมที่จะเข้าโค้ง    

**** หรือเจอถนน เปียก ลื่น มี ทราย ฝุ่น  การใช้เบรคอย่างเดียว อาจเกิดอาการเบรคทื่อๆๆ หน้าทิ่ม   หรือ อยู่ที่การใช้เบรค หน้า หลัง ซึ่งควรใช้เบรคให้น้อยที่สุด  ให้ดีพอกับสถานการณ์ 



****  Engine Brake  ไม่ใช่ระบบเบรค ****  แต่คือแรงหน่วงของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราปิดคันเร่งจนสุด เครื่องยนต์จะเกิดอาการตื้อและหน่วงให้รถวิ่งช้าลง นั่นแหละครับคือ เอนจิ้นเบรค *******   โดยที่ไม่ต้องใช้เบรค  แต่ใช้ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ผ่านระบบเกียร์ที่ถูกปรับให้ต่ำลง และส่งผ่านไปยังล้อ ทำให้ล้อหมุนช้าลง  หากเอนจิ้นเบรคทำงาน  รอบของเครื่องจะขึ้นสูง ได้ยินเสียงชัดเจน เรียกว่าสนั่นเลย    โดยปกติแล้ว E . .   B . . ในเกียร์ต่ำจะมีแรงหน่วงมากกว่าเกียร์สูง ถ้าเรียงตามลำดับจะได้ 1 > 2 > 3 > 4 > 5 > 6 และยิ่งเครื่องยนต์มีกำลังแรงม้ามากเท่าไร E . . B . . ก็จะมากตามไปด้วย  ถ้ารถขนาดใหญ่    ขนาด 1,000 ซีซี  แรงม้าเยอะๆๆ  ปิดคันเร่งทีแทบจะหัวทิ่มกันเลยทีเดียว สังเกตได้เมื่อเทียบกับ รถ เล็กๆ ทั่วไปที่มีแรงม้า น้อย จะไม่รู้สึกถึงแรงหน่วงอะไรมากมาย  การปิดคันเร่งคือการคืนคันเร่งกลับจากการที่เราบิดคันเร่งความเร็ว    เป็นการช่วยให้เกิดแรงหน่วงของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราปิดคันเร่งจนสุด 

 แนะนำ  แล้ว E . .  B . .  มีประโยชน์อย่างไร?
E . . B . .   หากใช้ร่วมกับระบบเบรค  ระยะเบรคจะสั้นกว่าการใช้เบรคอย่างเดียว วิธีนี้มีประโยชน์มากหากคุณขับรถเร็ว  เพราะบางทีเหยียบเบรคอย่างเดียวเลยมันไม่พอ  ต้องใช้เกียร์ช่วย    เวลาเข้าโค้งก็เช่นกัน Engine Break จะช่วยให้เข้าโค้งอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องแตะเบรค และการที่เราอยู่เกียร์ต่ำ รถจะมีแรงบิดลงล้อที่สูง หากมีอะไรฉุกเฉิน สามารถหักพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งเพื่อหลบได้ดั่งใจ   การทรงตัวของรถก็จะดีกว่าการใช้เกียร์สูง แล้วเบรคเอา    เพราะรู้สึกถึงความหน่วงได้ชัดเจน พอหน่วงแล้วก็เหยียบเบรคช่วย   คราวนี้การควบคุมรถได้ดังใจ    คือรู้แน่ๆ ว่าสามารถหยุดรถได้ในระยะทางที่จากรถคันข้างหน้า


 แนะนำ  ///  Engine Brake   ////  ที่นิยมใช้คือ  ในทางราบ และในทางลาดชัน ทางขึ้นเขา ลงเขา     vanzz

 vanzz-   ในทางราบ คือถอนปิดคันเร่งให้สุด เพื่อเรียก Engine Brake มาหน่วงให้รถไหลช้าลง ในแตละเกียร์  แต่ต้องสัมพันธ์กับความเร็วรถและความเร็วรอบเครื่อง การลดเกียร์ลงต่ำ และเรียก Engine Brake  แต่ละเกียร์  เพื่อให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถ และการทรงตัว  ได้ง่าย    

 vanzz  ในทางลาดชัน ทางขึ้นเขา ลงเขา [/b]  มันทำให้ระบบเบรคปรกติของรถ"ไม่ร้อน"เกินไป ทำให้ระบบเบรคยังคงสมบูรณ์พอที่จะใช้เบรคได้ดีในการเบรคครั้งต่อๆไปครับ  ส่วนใหญ่จะเป็น ** ตอนลงเขา ** ใช้ในสถานการณ์  ตอนที่รถพุ่ง ลงจากเขา หรือเนินลาดชันยังไงล่ะครับ  หรือเส้นทางลงเขาตามภาคเหนือที่เป็นทางโค้งยาวหลายสิบหลายร้อยกิโลเมตร ถ้าใช้เกียร์สูงรถก็จะไหลเร็วเกินไป   ทำให้รถพุ่งทะยานไปเร็วขึ้นๆๆ     พอถึงโค้งเราต้องบเบรค  แต่เมื่อเจอหลายโค้ง  ก็เบรคหลายครั้ง     จะทำให้ผ้าเบรคซึ่งเสียดสีกับจานเบรคบ่อยครั้ง  (ที่เรียกว่า เลียจานเบรค)  จนจานเบรกระบายความร้อนไม่ทัน  ทำให้ร้อน และไหม้   จะได้กลิ่นเหม็นไหม้ลอยเข้ามาแตะจมูก   เมื่อระบบเบรคร้อน (ซึ่งได้แก่ ปั้มเบรค น้ำมันเบรค ลูกสูบเบรค จานเบรค ผ้าเบรคฯ) จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการหยุดรถด้วยเบรค จะลดลงอย่างมาก (ขึ้นกับว่าเลียจานเบรคมากน้อยแค่ไหน)   ทำให้เวลาที่เราต้องการใช้เบรคจริงๆ  เช่น มีสัตว์วิ่งตัดหน้า  หรือมีการหักหลบ หยุดสิ่งกีดขวาง ขอบเหวเบื้องหน้า  เบรคจะไม่สามารถหยุดแบบสั่งได้เหมือนเดิม  (มันจะไหลไปเรื่อยๆ ทีนี้ก็ตัวใครตัวมัน พอใช้เบรคเยอะเกินไปก็จะเกิดความร้อนสูงสะสมในผ้าเบรคและจานเบรคจนเสียสภาพการยึดเกาะ หรือที่เรียกว่า "เบรคแตก" เบรคไหม้ เบรคหาย เบรคไม่อยู่  )   
ดังนั้นความหมายอีกประการของการใช้เอนจิ้นเบรค คือ การสงวนระบบเบรคให้มันคงประสิทธิภาพเต็มร้อยอยู่เสมอ(ไม่ว่าจะขึ้นเขาหรือลงห้วย) เพื่อไว้ใช้มันในโอกาสที่เราต้องการใช้เบรคจริงๆ 

 vanzz ***  การใช้เอนจิ้นเบรค  จะนิยมใช้ตอนลงจากที่สูงชัน  คุณคงเคยเห็นป้ายจราจรสีเหลืองติดอยู่ตามริมถนนบนภูเขา  ที่มีรูปรถผงกหัวขึ้นเขา และเขียนว่า “โปรดใช้เกียร์ต่ำ” น่านแหละใช่เลยเข้าพื้นที่ Killing Zone แล้ว    
หลักการควรจำเอาไว้ใช้ตลอดคือ ขับรถโดยการควบคุมรถของคนขับ หมายถึงการใช้เกียร์ ความเร็วรถ และความเร็วรอบเครื่องให้สัมพันธ์กัน ไม่ปล่อยให้รถไหลไปเองโดยไม่ได้ควบคุมรถ
 
///  Engine Brake   ////   แรงหน่วงที่เกิด.... มาจากการดึงรอบเครื่องลง  จากการลดเกียร์ลงขณะวิ่ง  นั่นละเอนจิ้นเบรคทำงานแล้ว ครับ มากน้อยอยู่ที่ความเร็วรอบและเกียร์ เพื่อชลอรถ ซึ่งถ้าเปลี่ยนเกียร์แล้วไม่คืนคันเร่ง เครื่องจะหน่วงน้อยมาก   ถ้าแค่ปิดคันเร่งอย่างเดียวรถจะหน่วงแต่ยังไม่พอทันที หากเปลี่ยนมาเกียร์ต่ำลงมาแล้ว 1 จังหวะ แล้วเครื่องยังไม่ตอบสนอง  แสดงอาการหน่วงลดความเร็วให้เห็น  ก็ต้องลดเกียร์ลงขณะวิ่ง  โดยใช้ Engine Brake มาหน่วงให้รถไหลช้าลง ในแต่ละเกียร์  ไปเรื่อยๆ   คู่กับการใช้เบรคหน้าและหลัง    แต่ต้องสัมพันธ์กับความเร็วรถและความเร็วรอบเครื่อง   เช่น กรณี เมื่อเจอไฟแดงไกลๆ ผมจะไม่เข้าเกียร์ว่าง แต่จะถอนปิดคันเร่ง แล้วลดเกียร์ลง ถอนคันเร่ง  ทีละเกียร์จนได้ความเร็วตามที่เราต้องการ และสามารถบิดคันเร่งรถเพื่ิอไปต่อหรือหลบหลีกได้ตามความเร็วรถและความเร็วรอบเครื่อง  การลดเกียร์ลงต่ำลง เพื่อให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ อย่างนุ่มนวล   แต่ยังไม่ต้องการหยุดทันที หลักการ คือ ขับรถโดยการควบคุมรถของการบิดและคลอคันเร่งเพื่อไม่ให้เครื่องกระชากหรือฉุดดึงจนรถเสียการควบคุม ขับ หมายถึงการใช้เกียร์ ความเร็วรถ และความเร็วรอบเครื่องให้สัมพันธ์กัน ไม่ปล่อยให้รถไหลไปเองโดยไม่ได้ควบคุมรถ 
การวิ่งมาเร็วๆ แล้วลดเกียร์ลงในทันทีโดยไม่เลี้ยงรอบในแต่ละเกียร์ จะทำให้รอบเครื่องดีดขึ้นสูงอย่างฉับพลัน เกิดแรงกระชากมหาศาลภายในเครื่องยนต์ ฟันเฟือง   โซ่ สเตอร์ ฯลฯ ถูกกระชากอย่างรุนแรง ถึงแม้ไม่ทำให้เครื่องพังในทันทีแต่ย่อมมีการสึกหรอตามมาอย่างแน่นอน เมื่อรอบเครื่องทำงานไม่สัมพันธ์กับความเร็ว อัตราการหมุนของล้อก็ไม่สัมพันธ์กับระยะทางที่วิ่ง   เสียงยางดังเอี๊ยดๆๆๆ คือล้อหมุนช้ากว่าระยะทางที่เคลื่อนที่ไป ทำให้ยางดีดเด้ง ไม่จับกับพื้นถนน สะบัดซ้ายทีขวาที สูญเสียการควบคุมซึ่งอันตรายมากครับ  นั่นละครับที่น่ากลัวสุด ลดเกียร์ โดยไม่สัมพันธ์กับรอบเครื่อง  แทนที่จะหน่วงจะกลายเป็นสบัด ไป

" ใช้เกียร์ต่ำลงทีละ Step เพื่อช่วยเบรค ให้เครื่องหน่วง หน่วงมาก หน่วงน้อย อยู่ที่การใช้เกียร์ ไล่ Step  คันเร่ง คลัทซ์  วิธีนี้มีประโยชน์มากหากคุณขับรถเร็ว

 เพราะบางที เบรคอย่างเดียวเลยมันไม่พอ ต้องใช้เกียร์ช่วย "

" การใช้เอนจิ้นเบรค ปลอดภัยกว่าการใส่เกียร์ว่าง หรือเปลี่ยนเกียร์ลงแต่กำคลัชท์แล้วปล่อยให้รถไหล ครับ  "

 ***   ในสภาพเครื่องยนต์ได้รับการบำรุงรักษาปกติ  การใช้เอนจิ้นเบรค  ไม่ได้ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์และเกียร์มากมายอย่างที่คิด  

 มันเหมือนเป็นช่วงที่เค้นสมรรถนะของมันให้ออกมาเต็มที่นั่นเอง   แต่ความสึกหรอ โซ่ สเตอร์ 


 ***   ส่วนการสึกหรอ  ส่งผล มากน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ Engine break   
 สาเหตุที่เสียหายน่าจะมาจาก การกระแทกเกียร์ลงจากเกียร์สูง ลงเกียร์ต่ำมาก   เช่น   6 โดดลงมา 3 หรือ  2  1 

เปลี่ยนเกียร์  ไม่เหมาะสมกับความเร็วและรอบ  ไม่ไล่เกียร์ลง  ทีละ  1 Step  นั่นแหละ

 ที่จะทำให้มันสึกหรอเร็วกว่าปกติ   เกิดการกระชาก  อย่างรุนแรง ถึงเสียหายต่อชุดเกียร์และระบบส่งกำลังได้ 


  ***  แต่เหล่านี้ แลกมาเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ก็น่าจะเหมาะสมนะครับ    ***


***  พยายามมองกระจกหลังบ่อยๆๆ  มีเหตุการณ์ข้างหน้าจะได้มีช่องทางหลบหลีก  ***



[/color][/b]

 
 **** ส่วนกรณีเบรคฉุกเฉินนั้น  เบรคลูกเดียวครับ เอนจิ้นเบรค อาจไม่ทันได้คิดถึงอินจิ้นเบรค  มีช่วงระยะเวลาและระยะห่างของรถ  ไม่พอ [/color]

///// การแบนโค้ง ท่าทางการขี่เข้าโค้ง (เพิ่มคู่มือ) /////  
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=49632.0

 /////// ** วิ่ง บนถนน เปียก ลื่น โคลน ฝุ่น ทราย Red Zone.. เอาไงดี **
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=48322.0

 ///// เลือกรถ . หรือเลือก . คน ! เฉียด ! ! + - x / !! เอาให้อยู่ !! * * * ////
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=48092.msg785882#msg785882

คนซ้อน
http://www.er6thailand.com/board/index.php?topic=20289.0


เฉพาะสมาชิกเท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ กรุณา "เข้าสู่ระบบ" ก่อน เข้าสู่ระบบ
 
Online:  2
Visits:  4,240,932
Today:  4,721
PageView/Month:  11,280